‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE ประกาศผลงานไตรมาส 3/2564 มีรายได้รวม 1,083.9 ล้านบาท เติบโต 13.6% และมีกำไรสุทธิ 142.9 ล้านบาท เติบโต 6.3% ดันผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 64 มีรายได้รวม 2,816.9 ล้านบาท เติบโต 11.5% และมีกำไรสุทธิ 353.2 ล้านบาท เติบโต 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังตลาดต่างประเทศฟื้นตัวแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะ High Season ในไตรมาสที่ 2/2564 ต่อเนื่องมายังไตรมาสที่ 3/2564 พร้อมปรับกลยุทธ์การทำตลาดแบบ O2O ทั้งในไทยและต่างประเทศ ดันยอดขายออนไลน์งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ โตกว่า 600%
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 ที่แข็งแกร่ง มาจากแบรนด์สินค้าที่เข้าถึง lifestyle ของผู้บริโภค และการสร้างช่องทางการขายในรูปแบบใหม่ๆของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ เอเชีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในหลายๆ ประเทศเริ่มคลี่คลายขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภคมีมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์แบบ O2O หรือ Online to Online/Offline Marketing ผสมผสานการทำตลาดบนออนไลน์และการขายทั้งบนออนไลน์/ออฟไลน์ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว ส่งผลให้สามารถสร้างยอดขาย New High ได้ในไตรมาส 3
ส่วนตลาดในประเทศ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดอยู่พอสมควร บริษัทฯ จึงปรับกลยุทย์มุ่งเน้นไปที่การขายผ่านช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ (Online Commerce) อาทิ e-Marketplace รวมถึง Chat Commerce เช่น Line และ Facebook Messenger เพื่อเป็นทางเลือกในการเข้าถึงสินค้าและโปรโมทกิจกรรมการตลาดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รองรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการซื้อสินค้าที่หันมาสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายจากช่องทางออนไลน์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตกว่า 600%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 เราเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวในหลายประเทศ โดยเฉพาะเอเชีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง ขณะที่ตลาดในประเทศเริ่มดีขึ้นหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเริ่มเปิดประเทศ ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่ได้ทยอยเปิดตัวไป อาทิ เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม, เครื่องดื่มบิวติ อิมมู-ซี (Beauti Immu-C), เครื่องดื่มบิวติ บูสเตอร์ (Beauti Booster) สูตรหวานน้อย เป็นต้น และกลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น ลูกอมครูเพ็ญศรี ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2564 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”